20.04.62
 
สมาคมประชาสัมพันธ์ไทย ศึกษาดูงาน ถอดบทเรียน “ศาสตร์พระราชา” สู่ “เขื่อนสิรินธรโมเดล”
 
           ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์ไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ อาทิ คุณศักดิ์ชัย เรืองกิตติกุล คุณเยาวลักษณ์ โหตรภวานนท์ คุณศรีสุดา ธรรมบำรุง คุณสุรัญญา เฉลิมดิษฐ์ หม่อมหลวงชไมทิพ เทวกุลและคุณณัฐบูรณ์ พรรัตนเจริญ เข้าศึกษาดูงาน ถอดบทเรียน “ศาสตร์พระราชา” สู่ “เขื่อนสิรินธรโมเดล” ณ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี



           “โครงการเขื่อนสิริธรโมเดล” อุบลราชธานี ริเริ่มขึ้นในปี ๒๕๕๙ เป็นโครงการที่น้อมนำแนวทางของ “ดอยตุงโมเดล” คือ “ศาสตร์พระราชา” และ “ตำราแม่ฟ้าหลวง” มาปรับใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน ท้องถิ่น และสังคมโดยรอบพื้นที่เขื่อนสิรินธรของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยหลักการสำคัญคือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ชุมชนสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองและมีความสุข และหวังให้เป็นกรณีศึกษาสำหรับหน่วยงาน กฟผ. ในจังหวัดอื่นๆ ในการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมต่อไป



           กฟผ. จึงได้ศึกษาความสำเร็จของ “ดอยตุงโมเดล” เพื่อถอดบทเรียนมาใช้ในการพัฒนา “โครงการเขื่อนสิรินธรโมเดล” เริ่มต้นโดยผู้บริหาร ได้ไปศึกษาดูงานที่โครงการดอยตุง จังหวัดเชียงราย เพื่อให้เข้าใจถึงหลักการแนวคิดศาสตร์พระราชาและตำราแม่ฟ้าหลวง และได้เริ่มตั้งทีมงานเพื่อลงมือทำให้โครงการนี้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
โครงการเขื่อนสิริธร มีหัวใจสำคัญในการดำเนินงาน ๖ ด้านคือ
๑. ชุมชนต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น
๒. ต้องมีตลาดรองรับผลผลิตของชุมชน
๓. ฟังเสียงความต้องการของชุมชน
๔. สร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยที่ไม่ใช่เป็นการให้เปล่า และหากชาวบ้านมีกำไรเหลือจะนำไปจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาต่อยอดต่อไป
๕. สร้างศูนย์การเรียนรู้ โดยทำต้นแบบให้ชาวบ้านได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้และให้ชาวบ้านลงมือปฏิบัติเอง
๖. สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อสร้างนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์พัฒนาอาชีพของชุมชน โดยปัจจุบันมีสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถช่วยชุมชนได้จริงแล้ว ได้แก่ เครื่องย้อมสีเส้นไหมและฝ้ายแบบใช้หม้อต้มประหยัดพลังงาน เครื่องอบแห้งปลาแก้วระบบหมุนวนโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องกวักเส้นไหมและเส้นฝ้ายมีระบบปั่นหลอดด้ายในตัว เครื่องสับมันสำปะหลัง และเตาอบลดความชื้นให้ข้าวเปลือก เป็นต้น



           จากการถอดบทเรียน พบว่า การทำงานได้ดำเนินการอย่างมีระบบและการวางแผนงานที่ดี โดยได้มีการลงพื้นที่เพื่อศึกษาทำความเข้าใจสภาพภูมิประเทศ สภาพสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ความพร้อมและความต้องการของชุมชน และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่และสร้างเครือข่าย ลงเจาะลึกในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติงานในเขื่อนสิรินธรและจิตอาสาผู้ที่มาทำงานในโครงการฯ เข้าใจลึกซึ้งในความตั้งใจที่จะพัฒนาชุมชน โดยใช้ความสามารถและศักยภาพที่ กฟผ. มีร่วมกับภาคีเครือข่ายในการพัฒนาชุมชน อาทิ ส่วนราชการ สถานศึกษา เพราะต้องการให้ทุกคนที่อยู่รอบ มีความสุข มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามลำดับ นับเป็นการจัดการชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ กฟผ. ได้ขับเคลื่อนผ่านเขื่อนสิรินธรโมเดล ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ให้เข้ากับเศรษฐกิจชุมชน ภารกิจและการบริหารเครือข่าย เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เรียนรู้