23.03.63
 
นายกสมาคมประชาสัมพันธ์ไทย แถลงข้อเสนอ 14 มาตรการ กับการรับมือ และสื่อสารภาวะวิกฤต จากผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-19
 
unsplash-logoMartin Sanchez
           ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์ไทย ได้แถลงถึง 14 ข้อเสนอ เพื่อเป็นมาตรการสำหรับ กับการรับมือ และสื่อสารภาวะวิกฤต จากผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐาน สร้างความร่วมมือ ผนึกกำลังการแก้ไขวิกฤติรอบด้าน และการสื่อสารที่เป็นเอกภาพ

           จากการแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ coronavirus disease starting in 2019 หรือ COVID-19 ที่เกิดการแพร่กระจายเชื้อ ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน และกำลังระบาดหนักอยู่ทั่วโลก อยู่ในขณะนี้ ขณะที่ประเทศไทย ได้มีรายงานถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ใน ค.ศ. 2020 นี้ รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการเจ็บป่วยและการตายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ทำให้จีดีพีไทยจะลดลง จากประมาณการเดิม โดยผลกระทบรุนแรง ในภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจเคมี บันเทิง สันทนาการ ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยคาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 5 ล้านคน และรายได้หายไปราว 2.5 แสนล้านบาท รวมทั้งผลกระทบด้านอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นภาวะวิกฤต ของประเทศที่ต้องฟันฝ่าและอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของประเทศ

           ในส่วนของ การรับมือกับ แก้ไข จากโลก สู่ไทย ด้วยการสื่อสารภาวะวิกฤต รับมือกับผลกระทบ ที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศ ระดับองค์กร และภาคประชาชน นายกสมาคมประชาสัมพันธ์ไทย ได้นำเสนอ 14 มาตรการ สำหรับรับมือ และสื่อสารภาวะวิกฤต จากผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 โดยรวม ดังนี้

           1. พิจารณาใช้มาตรการฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข อย่างรวดเร็ว
เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของการคัดกรองผู้ป่วย การระวัง การรักษาการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในระดับมาตรฐานโลก

           2. ตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน เพื่อติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด มีระบบการเฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล และสนับสนุนการเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือโรคติดต่ออุบัติใหม่ มีประกาศการแจ้งเตือนโรคในผู้เดินทาง ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด มาตรการ แนวทางที่เกี่ยวข้อง โดยใช้หลักการช่วยเหลือ สร้างความร่วมมือ

           3. สร้างนวัตกรรม ในการคัดกรองผู้ติดเชื้อ มีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับไวรัสได้ด้วยความแม่นยำสูง ทำให้ทราบผลการตรวจได้รวดเร็ว

           4. กำหนดมาตรการแก้ไขรับมือ และการสื่อสารทั้งด้านต่างประเทศ และในประเทศที่เป็นเอกภาพ รวมถึงด้านการปกครองทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ด้านการพาณิชย์ ด้านการศึกษา และส่วนราชการอื่น เพื่อบูรณาการร่วมกันในส่วนที่เกี่ยวข้อง

           5. สร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการวิจัย การศึกษา การแพทย์ และด้านสำคัญในแต่ละด้านของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งส่งเสริมการเร่งการพัฒนาการรักษา การผลิตยาและวัคซีนเพื่อต้านเชื้อไวรัส และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน

           6. การจัดเตรียมบุคลากร สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ทำความสะอาด ไว้อย่างเพียงพอ สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือทางด้านการแพทย์ เตรียมบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ นิสิต นักศึกษา รวมถึงอาสาสมัคร สถานที่ ทรัพยากร ให้เพียงพอ การซักซ้อมต่อการรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน

           7. กำหนดแนวทางการสื่อสารในภาวะวิกฤติ แผนรณรงค์ แผนประชาสัมพันธ์ ควบคู่ไปกับการเตรียมการทางด้านจิตวิทยา ซึ่งจะทำให้ประชาชนทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และควรรับมือ ต้องมีแนวทางปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน

           8. สร้างความชัดเจนในด้านนโยบาย แผนงานรองรับ และการจัดการข้อมูล กำหนดกลยุทธ์ นโยบายแผนงานในการแก้ไข รับมือ อย่างโปร่งใส มีการจัดการอย่างมีส่วนร่วม เพื่อสร้างชัดเจนของข้อมูล สร้างความมั่นใจ ลดความตื่นตระหนก มีรูปแบบการเปิดเผยข้อมูล รูปแบบ วิธีการ แนวทางปฏิบัติไปยังหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน

           9. ศึกษา รวบรวม เรียบเรียง วิจัยผลกระทบ จัดเตรียมที่รูปแบบ แนวทาง วิธีการ และจัดสรรงบประมาณสำรองเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การลงทุน และอื่นๆ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

           10. มอบหมายหน่วยงาน หรือคณะทำงานเพื่อเป็นที่ปรึกษา แก้ปัญหา ให้คำแนะนำกับทุกหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ จัดทำแผนฟื้นฟู อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ บริษัท ชุมชน บุคคล ต่าง ๆ ในภาคการท่องเที่ยวที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลง

           11. จัดตั้งศูนย์กลางในการสื่อสาร สื่อความ ให้ข้อมูล ตอบคำถาม รับเรื่องราวและให้แนวทางแก้ไข การสร้างความรู้ ความเข้าใจ การผลิตสื่อ ที่เข้าใจง่าย แนวทางปฏิบัติที่มีความน่าเชื่อถือ เกี่ยวกับไวรัส โรคระบาด รวมถึงการ อำนวยความสะดวกต่อการป้องกันการติดเชื้อเบื้องต้นแก่องค์กร บุคคลทั่วไปอย่างครอบคลุม เข้าถึง และรวดเร็ว

           12. ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารและดิจิทัล การบริหารข้อมูล ข่าวสาร ทั้งงานมวลชน สื่อสารมวลชน เพื่อประชาชนต้องใช้วิจารณญาณทุกครั้งในการรับข่าว โดยเฉพาะ Social Media
ต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของบัญชีผู้ใช้งานที่เผยแพร่ข่าวนั้น พิจารณาตรวจตราเนื้อหาข่าวอย่างละเอียดรอบคอบและรวดเร็ว โดยเปรียบเทียบกับข่าวจากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบแหล่งข่าวที่ถูกอ้างถึง สอบถามผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเข้าใจและสามารถยืนยันเนื้อหาที่ปรากฏในข่าวได้ ไม่ส่งต่อและไม่แชร์ข้อความที่ดูเกินจริงและไม่ได้รับการยืนยัน และควรติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ติดตาม แก้ไข ชี้แจง อย่างทันท่วงที

           13. เร่งประเมินผลกระทบ ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในทุกระยะ และพิจารณาให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ทั้งด้านกายภาพ ภาพลักษณ์ อย่างต่อเนื่อง กู้วิกฤติ สร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย กลับคืนมาโดยเร็ว ได้แก่ นักท่องเที่ยว นักลงทุน ผู้ประกอบการ ภาคประชาชนทั้งในและต่างประเทศ และกำหนดแนวทางแก้ไข ป้องกันในอนาคต

           14. การเรียนรู้ จากกรณีศึกษา ที่ประเทศไทยได้พบ รวมถึงศึกษา กรณีศึกษาของต่างประเทศ ทั้งที่ประสบความสำเร็จ และเกิดปัญหามาเป็นแนวทาง ที่แก้ไข ทั้งปัญหา ภาพลักษณ์ การสื่อสาร กลยุทธ์ วิธีการ ตลอดจนภาวะผู้นำในการแก้ไขภาวะวิกฤต จนได้รับการยอมรับ

           เมื่อการแก้ไขภาวะวิกฤต เป็นความเสี่ยงของประเทศ องค์กร และประชากร จึงจำเป็นต้องได้รับการจัดการที่เหมาะสม โดยใช้แนวคิดด้านการจัดการ และการสื่อสาร การสร้างความร่วมมือเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขวิกฤต ทำให้กลับมายกระดับการแข่งขัน สร้างโอกาส เพิ่มมูลค่าให้กับประเทศ ในที่สุด